ทัวร์อินเดีย GRAND LADKH

ทัวร์อินเดีย GRAND LADKH

รหัสทัวร์
096-00398
วันที่เดินทาง
พ.ค.67 - ต.ค.67
ช่วงเวลา
8 วัน 5 คืน
เดินทางโดย
Thai Airways (TG) Thai Airways (TG)

ไฮไลท์

  • Hemis Monastery - Thiksey Monastery วัดธิคเซย์ 
  • Shey Palace พระราชวังเชย์ - Magnetic Hill
  • Nubra Valley  - วัด Diskit Monastery
  • Pangong Lake  - ถนน Chang La Pass

แผนการเดินทาง

20.00 น.          คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตูทางเข้าที่ 3 สายการบิน Thai Airways  โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้กับท่าน

23.30 น.          เหินฟ้าสู่ เมืองเดลี ประเทศอินเดีย โดยสายการบิน Thai Airways เที่ยวบินที่ TG331 (ใช้เวลาบินประมาณ 4.35 ชั่วโมง)

02.15 น.        เดินทางถึงสนามบินเดลี ผ่านพิธิการศุลกากร รับกระเป๋า เจ้าหน้าที่รอรับประตูทางออกที่ 5   นำท่านต่อเครื่องไปยังเมืองลาดักส์

07.30 น.        เหินฟ้าสู่ เมืองเลห์ ประเทศอินเดีย โดยสายการบิน Vitara เที่ยวบินที่ UN…….. (ใช้เวลาบินประมาณ 1.30 ชั่วโมง)

09.00 น.        เดินทางถึงสนามบินเมืองเลห์ ผ่านพิธีการศุลการกรและรับกระเป๋า จากนั้นนำท่านเข้าเช๊คอิน ณ โรงแรมที่พัก ให้ท่านได้พักผ่อน ปรับสภาพร่างกายก่อน เนื่องจากเมืองลาดักส์อยู่สูงจากระดับน้ำเลประมาณ 3,600 เมตรจากระดับน้ำทะเล ท่านอาจเกิดอาการแพ้ความสูงได้

เที่ยง              บริการอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหาร

บ่าย               นำท่านเดินเที่ยวชม Leh Market เพื่อเลือกซื้อของฝาก เช่น Himalaya shop ผ้าแคชเมียร์ เสื้อกันหนาว ผลไม้อบแห้งต่างๆ เนื่องจากวันแรกยังไม่มีกิจกรรมอะไรมาก เพื่อให้ท่านได้ปรับสภาพร่างกายก่อนเดินทางขึ้นสู่ที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 6,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล

ค่ำ             บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหาร

เข้าพักที่  De Solace Hotel หรือ เทียบเท่า

เช้า              บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

นำท่านชม Hemis Monastery วัดเฮมิส เป็นวัดพุทธตันตระนิกายหมวกแดง หรือ นิกายนิงห์มาปา ซึ่งเป็นนิกายดั้งเดิมของศาสนาพุทธสายทิเบต ท่านปัทมสัมภวะ (Padmasambhava) หรือที่ชาวทิเบตเรียกว่า คุรุริมโปเช (Kuru Rinpoche) ซึ่งเป็นภิกษุรูปแรกที่เดินทางจากอินเดีย เมื่อปี พ.ศ. 1350 ที่ได้นำศาสนาพุทธเข้ามาเผยแพร่ในทิเบตและเป็นผู้ให้กำเนิดนิกายหมวกแดง ซึ่งได้รับการยอมรับนับถือจากชาวทิเบตอย่างกว้างขวาง  วัดเฮมิส ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเลห์ประมาณ 45 กิโลเมตร เลาะเลียบแม่น้ำสินธุลงไปทางใต้ เป็นวัดโบราณที่สำคัญและใหญ่ที่สุดในดาลักห์ ถูกสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 17 โดยพระเจ้าเซงกี โดยกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลาดักห์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ศาสนาพุทธในอินเดียล่มสลาย เมื่อกองทัพชาวเติร์กได้บุกเข้าสู่อินเดีย และต่อมาได้รับการทำนุบำรุงโดยกษัตริย์แห่งราชวงศ์นัมเคียล (Namgyal) มาตลอด วัดเฮมิส ได้รับการประกาศให้เป็น มรดกโลกใน ปี ค.ศ. 1998

จากนั้นนำชม Thiksey Monastery วัดธิคเซย์ ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเลห์ไปทางทิศใต้ประมาณ 17 กิโลเมตร สถาปนาครั้งแรกในช่วงต้นศตวรรษที่ 14 โดยท่าน เซรัป ซังโป (Sherab Zangpo) แห่งสต๊อคในหุบเขาซันสการ์ (Stod of Zanskar Valley) ต่อมาในปี ค.ศ. 1430 ท่าน ปัลเลน เซรัป (Pandal Sherab) หลานของท่านเซรัป ซังโป จึงได้ทำการก่อสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นใหม่ ฝั่งเหนือของแม่น้ำสินธุ เป็นพระอารามใหญ่ประดิษฐานอยู่บนยอดเขากลางทุ่งราบ ฉาบด้วยสีแดงและขาวเรียงรายลดหลั่นตามเนินเขานับร้อยหลัง มีกุฏิรายล้อมอยู่รอบอารามหลักสูง 12 ชั้น รูปทรงของวัดมีความคล้ายคลึงกับ พระราชวังโปตาลา (Potala Palace) จนได้รับฉายาว่า Mini Potala วัดธิคเซย์ เป็นวัดของพระลามะ นิกายหมวกเหลือง หรือ เกลุกปะ (Gelukpa) ซึ่งดาไลลามะองค์ปัจจุบันได้นับถือนิกายนี้เช่นกัน นิกายหมวกเหลือง ถือกำเนิดในทิเบตขึ้นเมื่อราวศตวรรษที่ 14 โดยท่าน ชงคาปะ (Tsongkhapa) พระลามะนักปฏิรูปที่นำหลักพระธรรมวินัย รวมถึงข้อบัญญัติของนิกายหมวกแดง นิงมาปา (Nyingmapa) และนิกายยกดัม ซึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้มาชำระปรับปรุงใหม่ คำว่าเกลุก แปลว่า ความดีที่เป็นกุศล จุดเด่นของนิกายหมวกเหลือง คือ พระลามะจะเน้นความเคร่งครัดในธรรมวินัย วัตรปฏิบัติ พระสูตร ที่เป็นวิชาการ รวมถึงการวิเคราะห์ธรรมะโดยวิธีตรรกวิภาษ (คือวิธีการโต้ตอบธรรมะอันมีมาจากต้นฉบับเดิมโดยอิงเหตุผลเป็นหลัก) ในปี ค.ศ. 1546 เมื่อ อัลไตข่าน (Altyn Khan) แห่งมองโกล ได้พบกับท่าน โซนัม เกียตโซ (Sonam Gyatso) ซึ่งเป็นประมุขของนิกายหมวกเหลืองแห่งทิเบต และได้เกิดความเลื่อมใสแรงกล้าเนื่องจากเชื่อว่าลามะท่านนี้เคยเป็นอาจารย์ของท่านเมื่อชาติที่แล้ว อัลไตข่านจึงถวายตำแหน่ง ทะเล (ตามการออกเสียงของมองโกล) หรือ ดาไล (Dalai) ตามการออกเสียงในภาษาทิเบต ให้แก่ลามะสูงสุดของนิกายหมวกเหลือง โดยคำคำนี้ในภาษามองโกลหมายถึง ทะเล หรือ ความกว้างใหญ่ ตำแหน่งดาไลลามะในปัจจุบันจึงสื่อความหมายถึง ผู้มีปัญญาไพศาลประดุจทะเล หรือ The Ocean of Wisom นิกายหมวกเหลืองจึงรุ่งเรืองด้วยการสนับสนุนจากมองโกลนับแต่นั้นมา

นำท่านชม Shey Palace พระราชวังเชย์ สร้างโดยกษัตริย์ Deldan Namgyal เพื่อระลึกถึงผู้เป็นพระบิดา Singge Namgyal กำแพงพระราชวังถูกฉาบด้วยทองคำผสมทองแดง ก่อสร้างเพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์แห่งลาดักห์ ภายในมีรูปปั้นของพระศากยมุณี ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ พระราชวังเลห์  เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นกลางเมืองเลห์ ขนาดความสูง 9 ชั้นถูกสร้างในปี ค.ศ.1630 มีลักษณะรูปแบบสถาปัตยกรรมใกล้เคียง กับพระราชวังโปตาลาในทิเบตคือมีผนังเอียงเข้าหากันทุกด้าน ที่พระราชวังแห่งนี้เราสามารถมองเห็นเมืองเลห์ ได้360 องศา พระราชวังเก่าของกษัตริย์ราชวงศ์นัมเกียลแห่งลาดักห์ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1814 ในช่วงเวลาที่อาณาจักรลาดักห์กำลังเริ่มเสื่อมอำนาจลง เพราะเพื่อนบ้านชาวซิกข์จากแคว้นปัญจาบกำลังเข้มแข็งเป็นอย่างยิ่ง พอถึงปี ค.ศ. 1834 เมื่อ กุหลาบ สิงห์ (Tshespal Namgyal) กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งลาดักห์ จึงจำต้องสละราชบัลลังก์จากเลห์มาอยู่ที่พระราชวังสตอคแห่งนี้อย่างถาวร และเปิดทางให้ศาสนาอิสสลามเข้ามาสถาปนาตั้งมั่นอยู่ในเลห์นับแต่นั้นมา

นำชม Shanti Stupa อยู่ห่างจากเมืองเลห์ประมาณ 2 กม.เป็นเจดีย์สีขาวขนาดใหญ่โต สร้างอยู่บนเนินเขาสูง สร้างโดยชาวญี่ปุ่นเพื่อเป็นการประกาศพระศาสนาและแสดงถึงสันติภาพของโลก โดยมีองค์ดาไล ลามะเสด็จมาทำพิธีเปิดเมื่อปี 1985 และเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่สวยงามแห่งเมืองเลห์และสามารถมองเห็นตัวเมืองเลห์จากมุมสูงได้ชัดเจน สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้ที่นี้ 

เที่ยง          บริการอาหารแบบท้องถิ่น

บ่าย           ออกเดินทางต่อไปยัง Magnetic Hill เนินเขาแม่เหล็กตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเลห์ประมาณ 30 กม. บนทางหลวง Leh-Kargil สถานที่แห่งนี้คือเนินเขามีแรงดึงแม่เหล็กสูงมากซึ่งจะดึงยานพาหนะออกถ้าคุณนำรถของคุณไปปิดจุดระเบิด (Neutral) เมื่อคุณอยู่ที่นี่แล้วคุณจะได้สัมผัสกับเอกลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้ จากนั้นขับต่อไปยัง Samgam การบรรจบกันของแม่น้ำสองสายคือแม่น้ำ Zanskar และแม่น้ำ Indus แต่ละไหลจาก Zanskar และอื่น ๆ จากภูเขา Leh ตั้งอยู่ติดกับเมือง Leh สีที่แตกต่างกันของแม่น้ำทั้งสองและจุดบรรจบกันของมันให้มันรูปร่างที่ไม่ซ้ำกัน ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางกลับเลห์

ค่ำ             บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหาร

เข้าพักที่  De Solace Hotel หรือ เทียบเท่า

เช้า              บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ Nubra Valley ได้ชื่อว่าเป็นหุบเขาดอกไม้ เพราะตั้งอยู่ในระดับต่ำกว่าที่อื่น มีความสูงเฉลี่ย 3,000 ม. ทำ ให้ แถบนี้มีอากาศอบอุ่นที่สุดในลาดัก พืชพรรณธรรมชาติจึงเจริญได้ดี ในฤดูร้อน จะเต็มไปด้วยดอกไม้ป่าหลากหลายสีสันและสายพันธุ์บานแข่งกันให้ได้ชมความงดงาม ระหว่างทางแวะถ่ายรูปที่คู่กับถนน คาร์ดุงลา พาส Khardungla pass ที่อยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 5,600 เมตร  ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง

เที่ยง            บริการอาหารแบบท้องถิ่น

บ่าย             เมื่อเดินทางถึงเขต Nubra Valley นำท่านสู่ Hundar ซึ่งได้ชื่อว่าเมืองแห่งธารน้ำไหล เพราะบ้านทุกหลังจะมีลำธารให้น้ำไหลผ่าน ได้ยินเสียงน้ำไหลชัดเจน จากนั้นเดินทางสู่ Sand Dune ซึ่งเป็นทะเลทรายที่ตั้งอยู่ในเขต Nubra valley เป็นทะเลทรายบนที่สูงในเขตหนาว ซึ่งมีเพียงไม่กี่แห่งในโลกเช่น ทะเลทรายอะตะกามา ในชิลี อุณหภูมิในเวลากลางวันไม่สูงมาก แต่จะหนาวเย็นมากในเวลากลางคืนและมีหิมะตกในฤดูหนาว

หากท่านต้องการขี่อูฐ กรุณาติดต่อไกด์หรือหัวหน้าทัวร์ อัตราค่าจ้าง 20 นาที = 800 รูปี (ค่าขี่อูฐไม่รวมในค่าทัวร์)

ค่ำ                บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหาร

เข้าพักที่ Swiss Camps หรือเทียบเท่า

เช้า              บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

นำท่านออกเดินทางกลับเลห์ ออกเดินทางสู่หุบเขานูบร้า ระหว่างทางก็แวะชมวัด Diskit Monastery ซึ่งเป็นเก่าแก่และใหญ่ที่สุดในหุบเขา Nubra Valley ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง สามารถนำรถขึ้นไปจอดหน้าบริเวณวัดได้ แต่ต้องเดินขึ้นบันไดต่อยังตัววัดที่อยู่ด้านบนชั้นสองและสาม เป็น  จุดชมวิวที่ยอดเยี่ยม มองลงจะมาเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของหมู่บ้าน Diskit และหุบเขานูบร้า โดยมีพระศรีอาริยะเมตรไตรย์องค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่กลางหุบเขา สามารถมองเห็นโดดเด่นแต่ระยะไกลๆ นำท่านออกเดินทางสู่ทะเลสาบแปงกอง (Pangong lake) ระยะทาง 200 กม. ใช้เวลาเดินทาง 5-6 ชม. ระหว่างให้ท่านได้เพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ และแวะจอดรถถ่ายรูปตามจุดต่างๆ 

เที่ยง             บริการอาหารกลางวัน แบบกล่อง

บ่าย              เดินทางต่อไปยัง Pangong Lake เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่มีพื้นที่ครอบ คลุมอาณาบริเวณถึง 2 ประเทศ คือจีน (ทิเบต) 75% และอินเดีย 25% ถือว่าเป็นทะเลสาบน้ำเค็ม (Salt lake) ที่อยู่สูงที่สุดในโลก คือ 4,267 ม.มีความยาว 40 ไมล์และกว้าง 2-4 ไมล์ ในวันที่ท้องฟ้าสดใส ทะเลสาบจะมีเขียวอมฟ้าหรือสีเทอร์คอยซ์ โดยมีภูเขาหิมะสีขาวเป็นฉากหลังงดงามมาก เมื่อ  เดินทางถึง Pangong Lake ให้ท่านได้ดื่มด่ำกับความงดงามของทะเลสาบและธรรมชาติรอบๆพร้อมกับถ่ายรูปเก็บภาพประทับใจให้เต็มที่ เพราะทะเลสาบ Pangong Lake  ถือว่าเป็นไฮไลของทริปนี้

ค่ำ                บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหาร

เข้าพักที่  Spinny Cottage

พักแคปม์ริมหาดแปงกอง ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศของทะเลสาบอย่างเต็มที่

เช้า              บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

นำท่านเดินทางกลับสู่เลห์ ระหว่างทางผ่านถนน Chang La Pass ซึ่งเป็นพาสรถยนต์ที่สูงเป็นอันดับสามของโลก จากระดับน้ำทะเลถึง 5,360 ม. ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการถ่ายภาพ และสัมผัสบรรยากาศสูงเสียดฟ้า เส้นทางนี้ถือเป็นถนนที่โหดมาก แต่ก็เป็นเส้นทางเดี่ยวที่จะกลับจากแปงกองเพื่อเข้าสู่ตัวเมืองเลห์

เที่ยง            บริการอาหารกลางวันแบบท้องถิ่น

บ่าย             เดินทางถึงเลห์ในช่วงบ่ายพาท่านเข้าพักผ่อนที่โรงแรม หรือท่านใดต้องการที่จะมาช้อปปิ้งที่ตลาดเพื่อหาซื้อของฝากเพิ่มเติมก็เชิญตามอัธยาศัย

ค่ำ               บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหาร

เข้าพักที่  De Solace Hotel หรือ เทียบเท่า

เช้า              บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้น นำท่านเดินทางสู่สนามบินเลห์ เพื่อเดินทางกลับสู่เมืองเดลลี

11.00 น.      ออกเดินทางสูสนามบินเดลี โดยสายการบิน Indigo เที่ยวบินที่ 6E………  (ใช้เวลาบินประมาณ 1.30 นาที)

12.30 น.      เดินทางถึงเดลี รับกระเป๋าสำภาระ และรอต่อเครื่องกลับ

เที่ยง            อิสระอาหารกลางวัน

23.30 น.      ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสารการบิน Thai Airways เที่ยวบินที่ TG….. (ในเวลาบินประมาณ 4.15 นาที)

05.45 น.          ถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ

แผนที่

เงื่อนไข

  • ค่าตั๋วเครื่อง กท เดลี กท สายการบินไทย / สายการบินภายใน อินดิโก้ หรือ วิสทารา หากตั๋วเกินราคา 24,000 บาท ลูกค้าจะต้องชำระค่าส่วนต่างตั๋วตามจริง
  • ค่าที่พักโรงแรม (พักห้องละ 2 ท่าน) จำนวน 5 คืน ตามระบุในรายการ
  • ค่าวีซ่า 30 วัน
  • รถ TEMPO // รถที่เหมาะสมกับสภาพถนน และขนาดเหมาะสมกับจำนวนผู้เดินทาง
  • ค่าอาหารทุกมื้อตามระบุ
  • ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่างๆ
  • ไกด์ท้องถิ่น พูดภาษาอังกฤษ ดูแลท่านตลอดการเดินทาง
  • ค่าประกันภัยการเดินทางวงเงิน 2 ล้านบาท
  • ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น / อ๊อกซิเยน / ยาไดอาม๊อกซ์
  • ค่าบริการยกกระเป๋าตลอดการเดินทางของพนักงานโรงแรม โรงแรมละ 100 รูปี
  • ค่าขี่อูฐ 20 นาที 800 รูปี สอบถามหน้างานอีกครั้งค่ะ
  • ค่าจัดทำหนังสือเดินทาง ( PASSPORT) และค่าทำใบอนุญาตที่กลับเข้าประเทศของคนชาวชาติ หรือ คนต่างด้าว
  • ค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในรายการและค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่างๆ เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าซักรีด ฯลฯ
  • ค่าธรรมเนียมน้ำมันของสายการบิน (หากมีการปรับขึ้นระหว่างที่ท่านยังไม่ได้ออกตั๋ว)
  • ค่าทำเอกสารผู้ถือต่างด้าว /ค่าวีซ่าที่มีค่าธรรมเนียมแพงกว่าหนังสือเดินทางไทย
  • ค่าภาษีหัก ณ  ที่จ่าย 3% ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% (กรณีออกใบกำกับภาษี)     
  • ค่าน้ำหนักเกินพิกัดตามสายการบินกำหนด 20 กิโลกรัม /ค่ากิจกรรมพิเศษ ต่างๆ

เงื่อนไขการชำระเงิน

  • กรุณาชำระเงินค่ามัดจำทัวร์ ท่านละ 24,000 บาท พร้อมส่งชื่อออกตั๋ว กรณีออกตั๋วไปแล้วรีฟันคืนไม่ได้
  • หากชำระค่าบริการดังกล่าวแล้ว กรุณาแนบหลักฐานการชำระเงิน พร้อมทั้งหน้าหนังสือเดินทาง (Passport) ของผู้เดินทางทุกท่านเข้าอีเมล์
  • บริษัทฯ ขอเก็บยอดส่วนที่เหลือก่อนการเดินทางอย่างน้อย 21 วันทำการ หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินค่ามัดจำทั้งหมด และขอยกเลิกการเดินทาง
  • ทางบริษัทฯ จะส่งใบนัดหมายเตรียมตัวการเดินทางให้กับท่าน ก่อนการเดินทางอย่างน้อย ประมาณ 5-7 วัน

กรณียกเลิก

  • ในกรณีออกตั๋วไปแล้ว หากทำการรีฟัน อาจได้เงินไม่เต็มจำนวน
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 15 วันขึ้นไป เก็บค่าใช้จ่าย ยึดเงินมัดจำทั้งหมด ในทุกรณี
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 7 – 14 วัน เก็บค่าใช้จ่าย 50% ของราคาทัวร์ในทุกกรณี 
  • ยกเลิกการเดินทางน้อยกว่า 1 – 6 วัน เก็บค่าใช้จ่ายทั้งหมด 100 % ของราคาทัวร์ในทุกรณี
  • สำหรับผู้โดยสารที่ไม่ได้ถือหนังสือเดินทางไทย และทางบริษัทเป็นผู้ยืนวีซ่าให้ เมื่อผลวีซ่าผ่านแล้วมีการยกเลิกเดินทาง บริษัทฯขอสงวนสิทธ์ในการคืนมัดจำทั้งหมด
  • บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บค่าใช้จ่ายทั้งหมดกรณีท่านยกเลิกการเดินทางและมีผลทำให้คณะเดินทางไม่ครบตามจำนวนที่บริษัทกำหนดไว้ (15 ท่านขึ้นไป) เนื่องจากเกิดความเสียหายต่อบริษัทและผู้อื่นที่เดินทางในขณะเดี่ยว กัน บริษัทต้องนำไปชำระค่าเสียหายต่างๆ ที่เกิดจากการยกเลิกของท่าน
  • กรณีเจ็บป่วยจนไม่สามารถเดินทางได้ จะต้องมีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลรับรอง บริษัทจะทำการเลื่อน การเดินทางของท่านไปยังคณะต่อไป แต่ทั้งนี้ท่านจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถเรียกคืนได้คือ ค่าธรรมเนียมในการมัดจำตั๋ว และค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ตามสถานทูตเรียกเก็บในกรณีไม่สามารถเดินทางได้
** เพื่อความถูกต้อง กรุณาตรวจสอบข้อมูลเดินทางและเงื่อนไขการชำระเงินกับทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายทุกครั้ง
ราคาเริ่มต้น
52,900 บาท
รหัส 096-00398 ทัวร์อินเดีย GRAND LADKH
ราคาเริ่มต้น 52,900 บาท
เดินทางช่วง พ.ค.67 - ต.ค.67
เดินทางโดย Thai Airways (TG)
ดูเพิ่มเติม https://www.btholiday.com/tour.php?tour_id=6076

ไฟล์ PDF https://tourfiles.vm101.net/pdf/062/096-00398.pdf

สนใจติดต่อ บริษัท บีที ฮอลิเดย์ จำกัด
เลขที่ใบอนุญาต 11/06802
โทร 064-273-3335 ,02-542-2511
LINE ID 0869092002
อีเมล bt-holiday@hotmail.com
คัดลอกข้อมูลทัวร์
เพิ่มในรายการโปรด
Share on social networks
Scan QRCode
ติดต่อสำนักงาน
บริษัท บีที ฮอลิเดย์ จำกัด
เลขที่ใบอนุญาต 11/06802

188/6 ซอยลาดพร้าว 122 (มหาดไทย1) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310

จันทร์-ศุกร์ 9.00 - 18.00 น
บริการของเรา
บริการจองตั๋วเครื่องบิน
บริการทำ VISA ทุกประเทศ
บริการจัดนำเที่ยวต่างประเทศ
บริการจัดนำเที่ยวในประเทศ
บริการเช่ารถตู้ รถบัสโดยสาร
บริการจัดอบรมประชุมสัมมนา
บริการจองที่พัก โรงแรม รีสอร์ท
ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า
LineID
Add LINE Friends via QR Code
ติดตามเรา
home
หน้าหลัก
quatation
ขอใบเสนอราคา
chat
ติดต่อเรา
ติดต่อ
chat ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า
search ค้นหาโปรแกรมทัวร์
home หน้าหลัก
approval ขอใบเสนอราคา